As my Roman experience was coming to an end, we wanted to have a memorable meal to celebrate the conclusion of this adventure. There are many great restaurants in Rome, but if you want to make sure to have the best, the only choice is the one and only 3 Michelin stars venue in town: La Pergola at the Hilton Cavalieri. Booking is not easy, and we had to join the waiting list first, before securing a table on their last day before the winter holidays. They have a three week break both in January and August, which is perfectly understandable since the superstar chef Heinz Beck has allegedly never missed a working day since the venue was open over twenty years ago. He surely deserves some rest.
ก่อนที่เราจะต้องย้ายสำมะโนครัวออกจากโรม ฉันและสามีได้มีข้อตกลงกันว่า เราจะไปทานดินเนอร์หรูมื้อพิเศษเพื่อเป็นการปิดฉากชีวิตที่โรมแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ช่วยกันคัดแล้วคัดอีก จนสุดท้ายเราเลือกร้านที่คิดว่าพิเศษที่สุดในโรมร้านนี้ La Pergola (ลา แปร์โกล่า) ร้านอาหารที่ได้รับมิชิลิน 3 ดาว หนึ่งเดียวของโรม และมีเชฟเป็นคนเยอรมัน! (ไหงเป็นงั้นล่ะ!) ร้านอยู่ในโรงแรม Hilton Cavalieri จากระเบียงร้านสามารถมองเห็นวิวเมืองโรมและยอดโดมของวาติกันที่อยู่ไม่ไกลด้วย พูดถึงเชฟชาวเยอรมัน Heinz Beck คนนี้ เขาไม่ได้มีดีแค่ฝีมือทำอาหาร ว่ากันว่า ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ทุกวันที่ร้านเปิดบริการ เชฟคนนี้ไม่เคยขาดงานเลยแม้แต่วันเดียว! น่าทึ่งไหมล่ะ?!
We arrived quite early and being the first table we certainly got our fair amount of attention, from their offering of champagne, the selection of breads, the amazing wine list and even a water menu . Each stage is provided by a dedicated person, from the sommelier to the bread guy, to make sure you receive a top service. And I must admit, even after the restaurant filled up, it was amazing to see how efficiently the whole operation was running. It is, however, very easy to get distracted by the view outside the window. The restaurant is located on a hill nearby Vatican City with an amazing view of St.Peter’s Dome and the rest of the city. Of course, there is only one reason you treat yourself to this kind of top end restaurant, and that is to be amazed by the food.
เรามาถึงเป็นคนแรกของร้าน บรรยากาศด้านในหรูหราสมราคามิชิลิน 3 ดาว การบริการก็เป็นเลิศ ไม่มีขาดตกบกพร่อง นอกจาก sommerlier ที่มาพร้อมกับไวน์ลิสต์เล่มหนา ที่คงต้องใช้เวลาครึ่งวันถึงจะอ่านหมดแล้ว ทางร้านยังมีเมนูสำหรับน้ำเปล่าให้เลือกกว่าสามสิบยี่ห้อ! (คิดว่าวันนึงคงมีคนมาเขียนรีวิวถึงน้ำเปล่าและน้ำแร่แต่ละยี่ห้อเป็นแน่) บริกรทุกคนดูตื่นตัวพร้อมให้บริการ ขยันมารินเติมไวน์ เขาจะเติมทีละนิดๆไม่ให้เกิน 1/4 แก้ว แต่ถึงอย่างนั้น ไวน์ก็ไม่เคยหมดแก้วให้ต้องรู้สึกขาดช่วง (บางทีก็นึกอยากจะแกล้งลองกระดกรัวๆดูซิว่าจะมาเติมทันไหม) ฉันชอบเด็กหนุ่มบริกรคนที่ดูแลรถเข็นขนมปัง เขาดูเด็กกว่าเพื่อน มีรอยยิ้มแบบเขินอาย หน้าที่เดียวของเขาคือเข็นรถไปตามโต๊ะต่างๆเพื่อเสิร์ฟขนมปัง ขนมปังก็มีให้เลือกมากมายหลายชนิด ตอนเขามาอธิบายว่ามีอะไรบ้าง พอถึงชื่อที่สี่บางทีก็ลืมอันแรกไปแล้ว (ประจำ! 555) อาศัยท่าไม้ตายชี้สุ่มๆเอาแก้เก้อ
We went for a four course meal: appetizer, first course, main course and dessert. A couple of amuse bouche arrived first, to set the tone of what was probably our best dinner yet. Often at this kind of restaurants there is at least one dish not meeting the high expectations, but I was really impressed by each one of the dishes, including the delicious dessert! The deep fried zucchini flowers with caviar were possibly my favourite if I had to pick one, but also their signature “Fagotelli La Pergola” is to be tasted to understand what it takes to achieve this legendary standard of cuisine. But it is not only about taste, every sense is involved when having a meal like this. Chefs at this level are artists, and I feel priviledged to enjoy their creations. Definitely an evening I will never forget! Arrivederci Roma xoxo
เราสั่งเป็นคอร์สเมนู 4 จาน มี ของทานเล่น, อาหารจานแรก, อาหารจานหลัก, และขนมหวาน เรื่องอาหารพูดได้ว่าประทับใจทุกจาน ดอกซูกินี หรือ ดอกบวบฝรั่ง ชุบแป้งทอดกรอบโรยด้วยไข่ปลาคาร์เวียร์ คือจานที่เราชอบมากทั้งหน้าตาและรสชาติ ส่วนจานเด็ดที่พลาดไม่ได้ เป็น signature ของทางร้าน คือ Fagotelli La Pergola เป็นราวิโอลี่ที่สอดไส้ด้วยครีมข้นแบบคาร์โบนาร่า ถึงหน้าตาจะแอบละม้ายคล้ายกับเกี๊ยวกุ้งแถวเยาวราช แต่บอกเลยว่าอร่อยเด็ดลืมสปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่าต้นแบบไปเลย หลังจากทานขนมหวานคอร์สสุดท้ายในเซ็ต บริกรยกกล่องโลหะบรรจุขนม 12 ชนิด (แต่ละชนิดซ่อนอยู่ในลิ้นชัก) มาเสิร์ฟปิดท้าย สนุกตอนเปิดลุ้นแต่ละลิ้นชักว่าเป็นขนมอะไรบ้างนี่แหละ! ไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่เลือกร้านนี้ คืนนั้นเราสองคนกลับบ้านพร้อมกับอีกหนึ่งประสบการณ์พิเศษที่เราจะจดจำตลอดไป ลาก่อนนะโรม แล้วฉันจะคิดถึงเธอ..
Moody Everywhere 