We crossed the border from Brazil to Argentina by taxi (hotel’s arrangement). At border post we comfortably sat in the car while the driver took our passports to the police for stamping, clearly an Asian girl with a Western boy don’t raise too many eyebrows down here. Then we flew from Cataratas del Iguazu International Airport, a small airport in the city of Puerto Iguazu, it was an hour of smooth flying to our last destination in Latin America: Buenos Aires.
เป็นครั้งแรกกับการนั่งแท๊กซี่ข้ามประเทศ มีความเท่ห์ไม่หยอก ฮ่าๆ จะว่าไปจุด ตม. ตรงชายแดนอาร์เจนติน่าเขาไม่ได้เคร่งครัดตรวจอะไรมากเลยค่ะ อาจเป็นเพราะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำตกผ่านเข้าออกระหว่างสองประเทศเป็นประจำกันอยู่แล้ว ออกจากโรงแรมนั่งรถประมาณ 30 นาทีเราก็ไปถึง Cataratas del Iguazu International Airport สนามบินไซส์มินิ ตึกสีน้ำตาลอิฐ ที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง Puerto Iguazu เราใช้เวลาบินกันประมาณหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมายปลายทางสุดท้ายของการเยือนทวีปนี้ ซึ่งก็คือ Buenos Aires เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า เจ้าของฉายา Don’t cry for me, Argentina! เอ้ยไม่ใช่ “Paris of South America” ต่างหากเล่า
Arrived at our cove in Palermo Soho, BE Jardin Escondido by Coppola, the former house of movie director Francis Ford Coppola (who still owns the place, now turned into a luxurious guesthouse). The staff made sure we felt welcome since we stepped in, preparing an infuse for me handpicking the leaves in courtyard.
We stayed for five nights at Francis Coppola Suite, the biggest room on the ground floor near the tiny pond. This cosy house is compact in size yet rich in green and art. During our stay, we were overwhelmed by breakfast selection and feel-like-home service offered from all staffs.
ที่พักพิง 5 คืนของเรา เป็นเกสต์เฮ้าส์ที่ดัดแปลงมาจากบ้านสองชั้นขนาดย่อม มีทั้งสวนและสระน้ำเล็กๆอยู่กลางพื้นที่ BE Jardin Escondido by Coppola เป็นบ้านที่ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง Francis Ford Coppola เคยมาอาศัยอยู่ช่วงที่มีงานกำกับหนังที่นี่ค่ะ ปัจจุบันเขาถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของและได้เปลี่ยนเป็นเกสต์เฮ้าส์สุดชิคที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของงานอาร์ต DVD ผลงานภาพยนตร์ของเขาทุกเรื่องได้ถูกจัดวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นรวม เพื่อให้แขกที่มาพักเลือกชมตามอัธยาศัยได้ด้วยค่ะ
ห้องที่เราจองคือ Francis Coppola Suite ห้องสูทที่เขาเคยอาศัยอยู่ เรียกได้ว่าตามรอยกันแบบเน้นๆเลยค่ะ ทุกมุมของบ้านหลังนี้ถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะชิ้นงามและต้นไม้หลากสายพันธุ์ ใครมาพักที่นี่ได้ทั้งบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ แล้วยังได้เสพงานศิลป์เป็นของแถมอีกด้วยค่ะ
นอกจากการตกแต่งที่สวยงามน่าอยู่ และโลเกชั่นสะดวกสบายใจกลาง Palermo Soho ย่านสุดฮิปของบัวโนสไอเรสแล้ว การบริการที่แสนจะอบอุ่นของพนักงานทุกคนยิ่งทำให้เราประทับใจไม่รู้ลืม ตอนที่เช็คอินเสร็จเรียบร้อย พนักงานได้พาเราขึ้นไปชมสวนหย่อมบนดาดฟ้า บรรจงเด็ดสมุนไพรใบไม้หลากชนิดจากสวนพร้อมบรรยายสรรพคุณ จากนั้นก็เอามาใส่ในกาน้ำชา ทำเป็นชาสมุนไพรหอมๆให้เราได้ลิ้มลองสดๆ ได้จิบชาสมุนไพรร้อนๆหลังจากการเดินทางไกล รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ อีกอย่างที่ประทับใจมากคือการจัดสำรับอาหารเช้า แม่บ้านที่นี่จัดโต๊ะได้สวยเก๋มากค่ะ แถมกินกันแค่สองคนแต่จัดสำรับเหมือนสำหรับกินกันทั้งครอบครัวก็ไม่ปาน ทั้งตระกร้าขนมปัง ผลไม้ ชีส แฮม และเมนูไข่ที่ทำในครัวด้านข้างแบบสดใหม่ตามสั่ง ไม่แปลกใจเลยค่ะที่กลับมาน้ำหนักขึ้นพรวดพราด ได้รับการเลี้ยงดูแบบอุดมสมบูรณ์เกินไปนี่เอง
Palermo Soho was mentioned as the Neo-Hipster neighbourhood in Buenos Aires, which I had no doubt about once I strolled down the streets. Small buildings were converted into chic retail shops and hip cafes, street art and graffitis were everywhere your eyes could venture, the flea market of second-hand clothes and handmade stuff, the wine shops with load of local brand best selections.
Palermo Soho คือย่านที่ชาวเมืองขนานนามว่าเป็นย่านนีโอ-ฮิปสเตอร์ ไม่แน่ใจกับคำจำกัดความของคำนี้เหมือนกัน คงหมายถึงอะไรที่ล้ำๆฮิปๆเกินกว่าธรรมดาละมังคะ ย่านนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆที่ไม่มีรถวิ่งมากนัก จึงเดินเล่นข้ามแยกข้ามฝั่งไปมาได้สนุก ส่วนชื่อถนนที่นี่ เขาตั้งตามชื่อเมืองหรือชื่อประเทศค่ะ แปลกดีเหมือนกัน ที่ย่านนี้มีร้านค้าและคาเฟ่เก๋ๆซ่อนตัวอยู่ทุกเส้นถนน งานกราฟฟิตี้ก็มีให้เห็นตลอด ตลาดเปิดท้ายขายของก็ดูน่าซื้อน่าจับจองไปหมด แต่ทว่าที่ที่คุณสามีโปรดปรานเป็นที่สุดเห็นจะเป็นร้านขายไวน์ที่รวบรวมไวน์พื้นเมืองจาก Mendoza ไว้มากมายหลายขนาน กว่านางจะเลือกได้ก็ชิทแชทกะคนขายอยู่นานสองนาน (กรอกตามองบน)
Hopping at night in the area was fun no less! Isabel is the hottest club in town and we had to queue outside before being let in. We had a couple of fine cocktails at the bar and managed to check out the famous outdoor fireplace! Zipping a glass of alcohol by the fireplace was absolutely the best idea to keep your body warm when the temperature dropped below ten.
งานท่องราตรีในย่านนี้เค้าเริ่มกันหลังเที่ยงคืนค่ะ บรรยากาศสนุกคึกคักต่างกับตอนกลางวันลิบเลย ไนท์คลับยอดนิยมอันดับหนึ่งของบัวโนสไอเรสภายใต้ชื่ออันไพเราะว่า Isabel ก็ตั้งอยู่ในย่านนี้ อิซาเบลเป็นคลับแบบเอ๊กซ์คลูซีฟที่ขาจรอย่างเราต้องไปยืนรอที่หน้าประตูจนกว่าเขาจะเปิดประตูให้เราเข้าไปได้ค่ะ ระหว่างรอเห็นผู้ชายกรุ๊ปนึงไปยืนโวยวายๆจะเข้าให้ได้ เลยโดนพี่การ์ดร่างใหญ่หน้าประตูไล่ตะเพิดไปต่อหน้าต่อตามาแล้ว (นาทีนี้ความเก๋าก็ไม่สู้ความเจี๋ยมเจี้ยมนะฮะ พูดเลย!) ด้านในร้านตกแต่งประดับประดาด้วยกระจกและโคมไฟจำนวนมาก สาวๆที่มาแต่งตัวกันเปรี้ยวจี้ดจัดเต็มมากค่ะ ส่วนผู้ชายคงเน้นความกระเป๋าหนักเป็นพอ (ฮ่าๆ) ค็อกเทลที่นี่อร่อยด้วยนะคะ เราสั่งแบบตามใจบาร์เทนเดอร์ เลยไม่รู้ว่ามันชื่ออะไรเหมือนกัน (ที่จริงคือถามแล้ว นางบอกแล้ว และลืมแล้ว แหะๆ) จุดขายของคลับนี้อยู่ที่สวนเล็กๆด้านนอกที่มีเตาผิงไฟขนาดใหญ่ตั้งอยู่ คิดดูว่าเก๋ขนาดไหนดริ้งค์ไปผิงไฟไปได้ด้วย เอาซี้! แต่มันคงจะชิลล์กว่านี้ถ้าตอนนั้นอุณหภูมิไม่ได้ต่ำกว่าสิบองศา และเราไม่ได้เอาเสื้อโค้ทฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า! เราออกไปยืนชิลล์กันได้แป๊บเดียวต้องรีบแจ้นกลับเข้ามุมเดิม ทนหนาวไม่ไหวเลยอดทำเก๋ยืนดริ้งค์ข้างเตาผิงกะหนุ่มสาวชาวอาร์เจนฯเค้าเลยนิ
Another night, we had a great fun mingling with the locals, enjoyed tasting imported beers from all over the World, and savoured the Latin finger food at the Palermo Beer Fest. We were lucky to bump into this small festival, the atmosphere was fun and it is always the best way to explore a city when you are among the locals, even if only eating and drinking is involved.
อีกคืนที่เราสนุกสนานกันมาก คือที่ Palermo Beer Fest เป็นอีเว้นท์เล็กๆที่จัดแค่วีคเอนนั้น อันที่จริงเราก็ไม่ได้ทราบกันมาก่อนหรอกค่ะ มันคือความบังเอิญล้วนๆที่เดินมาเจองานนี้เข้า :)) ในงานจะมีวงดนตรีมาเล่น live มีซุ้มขายเบียร์นำเข้าจากทั่วโลก และบูธขายอาหารทานเล่นสารพัดอย่างของทางอเมริกาใต้ เรียกได้ว่าทั้งถูกปากและถูกใจมากๆค่ะ งานนี้คนท้องถิ่นมากันเยอะมากเลยค่ะ เบียดเสียดเต็มพื้นที่จัดงานเลย เคลื่อนตัวแต่ละทีต้องคอยระวังเบียร์จะหก (ทุกหยดมีค่าโปรดรักษา 555) ส่วนตัวชอบบรรยากาศของคนท้องถิ่นที่ออกมาปาร์ตี้กันแบบนี้ ได้เห็นไลฟ์สไตล์ เห็นมุมที่ไม่ได้ทำไว้สำหรับนักท่องเที่ยว งานนี้เลยได้รู้ว่าคนที่บัวโนสไอเรสเขาชอบปาร์ตี้กันไม่เบาเลยค่ะ