Portofino is a crescent-shaped, charming fishing village on the Italian Riviera. This little village has a very pretty setting with expensive boutiques and luxury hotels, attracting the upscale tourists, being also a famous stop point for the yachts. The Piazzetta (little square) by the harbour is lined with nice restaurants and cafes. We sat along the shore, enjoying our glasses and the sea view, watching the boats go in and out.
Portofino (ปอร์โตฟีโน่) เป็นเมืองชาวประมงขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเล Ligurian ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Genoa (เจนัว) ประเทศอิตาลี เมืองเล็กๆแห่งนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักมักจะล่องเรือยอร์ชมาจอดแวะพัก นอกจากบ้านเรือนสีพาสเทลกับปราสาทสวยที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาที่เป็นสเน่ห์ของที่นี่แล้ว ร้านค้าสารพัดแบรนด์เนมที่เราชื่นชอบกัน และโรงแรมหรูห้าดาว ก็ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่น้อย เซเลปคนดังก็ต่างเคยมาเยือนเมืองนี้กันทั้งนั้น
ตรงท่าเรือจะมีเรือยอร์ชจอดอยู่เต็มไปหมด เลียบชายฝั่งมาเป็นลานสแควร์เล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ๆ ที่มีที่นั่งด้านนอกให้เราได้ชมวิวทะเล และมองดูเรือแล่นเข้าออกไปมาเพลินๆ เรานั่งแช่กินบรรยากาศพร้อมเครื่องดื่มบับเบิ้ลแก้วโปรดอยู่ตรงนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะชวนกันออกเดินสำรวจเมือง
To get the best view, we followed the small street up the hill. From there, we could see the picture perfect shore lined with pastel houses, the bright yellow/orange buildings sit atop the hill, and the yachts and fishing boats floating over the crystal clear blue sea.
จุดชมวิวเป็นทางแคบๆให้เดินเลาะขึ้นเขา จากบนนั้นเราได้เห็นภาพประทับใจที่เป็น signature ของเมืองปอร์โตฟิโน่ นั่นคือ บ้านสีพาสเทลเรียงยาวตามชายฝั่ง ตึกสไตล์ Ligurian สีส้มๆเหลืองๆบนยอดเขาโผล่แซมมาจากพุ่มไม้เขียวชะอุ่ม เรือยอร์ชและเรือประมงที่จอดเรียงอย่างเป็นระเบียบบนผืนทะเลสีน้ำเงินคราม ภาพที่ได้เห็นเหมือนเป็นโปสการ์ดสีสดที่ให้รายละเอียดสีได้ครบถ้วน สวยงามเกินบรรยายจริงๆ
Another side of the hill led us to the Divo Martino Parish Church, just a few steps from the main square. The interior of the church is lavishly decorated with marble, stained glass, and carved wooden statues, I have even thought about getting married here (we were engaged by that time), but it might be difficult for my guests from Asia, I could imagine their faces if I tell them so!
Our day at Portofino so far was pretty relaxed and a little bit posh too!
ที่เนินเขาอีกด้านไม่ไกลจากลานสแควร์หลัก เราเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นก็ไปถึงโบสถ์ Divo Martino บริเวณนั้นเงียบสงบมาก แทบไม่มีผู้คนเดินผ่านเลย (สงสัยจะนั่งดริ้งค์หรือมัวแต่ชอปปิ้งกันอยู่สินะ) ด้านในของโบสถ์นั้นกว้างโอ่โถงและงดงาม มีทั้งงานหินอ่อน งานกระจกสี และงานรูปปั้นไม้แกะสลักของศิลปินดัง หันไปบอกสามีซึ่งตอนนั้นหมั้นกันแล้วว่า “เราแต่งงานกันที่นี่เถอะนะ” เขาสวนกลับทันทีว่า “ผมน่ะยังไงก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก แล้วที่บ้านคุณล่ะ?” นั่นสินะ!! นึกหน้าที่บ้านออกเลยถ้าเกิดบอกไป แถมต้องนั่งเครื่องบิน รถ เรือ หลายต่อหลายขนาน อาจมีคนเป็นลมล้มพับไประหว่างทางก็เป็นได้ ว่าแล้วก็หยุดความคิดไว้เพียงแค่นี้..
พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว นั่นหมายความว่า “หมดเวลาทำเก๋แล้วย่ะหล่อน! เดี๋ยวจะตกเรือเที่ยวสุดท้ายเอา” โอเค กลับก็กลับ ลาก่อนนะ Italian Riviera ผู้เลอโฉม คราวหน้าขออยู่นานๆอีกนิดนะ เผื่อจะได้เดินกระทบไหล่เซเลปกะเค้าบ้าง