The mysterious charm of Venice is irresistible. Every year 20 million tourists make their way to see this unique island city. I feel grateful to live in a neighbour town, only 30 minutes away either by train or car. It was a lovely day, so we decided to take a train for the first time.
พอเข้าเดือนเมษา ลมหนาวก็จากลาไปโดยดี แทนที่ด้วยลมโชยพริ้ว แดดอุ่นๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆจากต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังผลิดอกออกใบ อ่า.. บ้านเมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง! ถนนบางเส้นสวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตาเล่นเอาเกือบจำไม่ได้ว่าคือเส้นที่เคยขับผ่าน บ้านบางหลังมีต้นไม้ออกดอกพุ่มใหญ่สีสวยสดอยู่ตรงหน้าบ้านที่เคยดูทึมๆและเงียบเหงา สดใสอะไรกันเบอร์นั้น!! อากาศเป็นใจแบบนี้ก็ต้องออกไปเดินเล่นตากแดดตากลมให้สมกับที่รอคอย ว่าแต่ว่าจะไปที่ไหนกันดีน้า.. งั้นไปเดินเล่นแถวคลองใกล้ๆบ้านละกัน ง่ายดี นั่งรถไฟจากบ้านไปแค่ครึ่งชั่วโมงเอง
เวนิส คือคลองแถวบ้านที่ว่า (เรียกของเขาซะหมดราคา 555) เราเลือกที่จะนั่งรถไฟไปจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาและค่าจอดรถ แถมเราทั้งคู่ยังสามารถเอ็นจอยดริ้งกิ้งกันได้เต็มที่อีกด้วย รถไฟคนแน่นพอควร หาที่นั่งลำบากอยู่ แต่ก็ไม่เกินความสามารถ ซอกแซกหาที่ลงกันจนได้ คำถามต่อไปคือ แล้วจะกินอะไรดีหล่ะ อากาศดีๆแบบนี้นักท่องเที่ยวตรึมแน่ๆ แถมช่วงเที่ยงพอดีมีสิทธิ์เต็มทุกร้าน อุตส่าห์ถ่อมาก็อยากกินของอร่อยๆนิ ว่าแล้วสามีก็จัดแจงเช็ครีวิวต่างๆ คัดมาเหลือ 2 ช้อยส์ให้เราเลือก เราจิ้มเลือกร้านซีฟู้ดสไตล์ Venetian ขึ้นชื่อ พอโทรไปจองว่างสองที่พอดีเล้ย เยส! เยส! เยส! ดีใจเกินงามไปนิสสสนะเรา
ลงสถานีรถไฟ Venezia S. Lucia ออกมาก็เจอคลองกับสะพานที่เป็นซิกเนเจอร์ของเวนิสแล้วค่ะ เราเดินมุ่งหน้าตรงไปร้านอาหารด้วยความโหยหิว แต่อย่างที่รู้ๆกัน ขึ้นชื่อว่าเวนิสเมืองแห่งเขาวงกต การเดินหลงในเมืองนี้คือเสน่ห์อีกอย่างที่ดึงดูดผู้คนนับล้านให้มาเยี่ยมชม กว่าจะถึงร้านต้องเดินซอกแซกออกซอยนู้น ข้ามคลองนี้ ซ้ายทีขวาทีให้ได้งงตลอดทาง แต่ก็อย่างว่า ความมันส์มันอยู่ที่ไอ่ตรงตอนเดินหลงๆนี่แหละ! ได้มุมถ่ายรูปสวยๆเก๋ๆไม่ซ้ำใครเป็นของแถมอีกต่างหาก ว่าแล้วก็เดินหลงต่อไปแบบมีสไตล์ เชิดหน้า สะบัดกระโปรง ให้คุณสามีตามรัวชัตเตอร์ไปทั่วทุกมุม
To make our casual afternoon a bit special, we booked a nice Venetian traditional seafood restaurant ‘Alle Testiere‘ for lunch. This popular restaurant has only 22 seats and a tiny kitchen, so you normally need to reserve a week in advance at least. We were lucky to get a table for two by calling just an hour before we arrived. The menu is all fish based, with around ten appetizers, four pasta and four main dishes, plus a selection of grilled seafood. All the fish is so fresh and flavoursome I would certainly rank this place on my top 3 for seafood.
We had fresh prawns with strawberry salad and steamed mantis prawns to start, ravioli with monkfish and ricotta to follow and a lovely John Dory fillet as maindish. To end the meal we could not resist the chocolate dessert. This place also has great wine to match your food, our choice was a carafe of white from Alto Adige in Italy.
ร้าน Alle Testiere เป็นร้านเล็กๆแฝงตัวอยู่ในซอยแคบ ในร้านมีแค่ 22 ที่นั่ง เป็นคนต่างชาติไปซะ 21 ยกเว้นสามีเรา ฮ่าๆๆ โดนรุม! พนักงานบริการดีและพูดคุยแบบเป็นกันเอ้งกันเองตามแบบฉบับอิตาเลียโน่ ระหว่างนั่งรออาหารเห็นมีคนแวะเข้ามาเรื่อยๆแต่ก็ต้องอดไป นับเป็นโชคของเราที่จองได้ เห็นเขาว่าปกติต้องจองกันเป็นอาทิตย์ล่วงหน้าเชียวนะ
Antipasti (ออเดิร์ฟ) ถูกยกมาวางตรงหน้า กุ้งสดสีส้มอมชมพูกับสลัดสตอเบอร์รี่สด และกั้งนึ่ง (ฝรั่งเรียก Mantis prawns) กั้งตัวเล็กแต่มีไข่เยอะมาก แค่บีบมะนาวกินก็แสนจะฟิน ทั้งสองจานนี้ทั้งสดทั้งหอม โอ้ยตายๆๆ บอกกับตัวเองว่าต้องกลับมากินอีกให้ได้ อาหารจานหลักและขนมก็อร่อยใช้ได้ เป็นราวิโอลี่ชีสริคอตต้ากับปลามังค์ฟิช ปลาทะเลหน้าตาประหลาดแต่เนื้ออร่อยกรุบๆคล้ายเนื้อกุ้ง และปลาจอห์นดอรี่ fillet เนื้อแน่น
Leaving the restaurant, it is great just to wonder around the labyrinth of ‘Calle‘ , how those little pedestrian alleys are called in Venice. Watch the gondolas in the canals, cross St Mark’s square for a picture then walk around Accademia area where often artists hang around before heading back along the canal overlooking the Giudecca Island.
อิ่มอร่อยแล้วก็ไปเดินหลงกันต่อ 555 แวะเดินไปแถว Accademia แหล่ง hip รวมดาวบรรดาศิลปิน วิวจากสะพาน Ponte dell’Accademia คือวิวโปรดของเราและเป็นวิวที่มักถูกถ่ายเพื่อใช้โปรโมทเวนิส บอกเลยว่ามาทุกครั้งแวะทุกครั้ง! พลาดไม่ได้จริงๆ จากตรงนี้จะเห็นมุมสวยโรแมนติกที่สุดของ Grand Canal ที่รับประกันได้ว่าทุกคนต้องหยุดถ่ายรูปและยืนชมวิวกันเพลินจนลืมเวลา จากนั้น เดินเลียบคลองชมวิวฝั่งเกาะ Giudecca ต่ออีกหน่อย แล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถไฟกลับบ้าน เป็นอันจบวันเบาๆที่คลองแถวบ้าน :))