For our first mountain trip to the Alps we chose a typical yet fancy mountain lodge, Ciasa Salares in Armentarola, Alta Badia. After spending a long day outdoor, and after a few hours of skiing, it is very nice to return to a cosy environment where you can feel pampered and relax as the night approaches and the temperature outside drops well below freezing.
หลังจากวุ่นอยู่กับการย้ายบ้านเมื่อ 2 เดือนก่อน นี่ก็ถือเป็นทริปออกต่างจังหวัดกันครั้งแรกของฉันและสามี นอกจากจะไปเล่นสกีแล้วเราจึงอยากถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว เราเลือกพักกันที่โรงแรม Ciasa Salares (ชิอาซ่า ซาลาเรส) ตั้งอยู่ที่เมืองเล็กๆชื่อ Armentarola ในแคว้น Alta Badia เป็นโรงแรมบูทีคขนาด 50 ห้องที่มีทุกอย่างครบครัน สามารถกิน นอน และพักผ่อนอยู่ในที่เดียว โดยไม่ต้องออกไปตะลอนๆให้มือชาขาแข็งภายใต้อากาศติดลบด้านนอก
This boutique hotel was built in original Alpine style with the background of a huge stunning mountain. The lobby is beautifully decorated with furnitures and art-pieces from local artisans. Once we walked in, the wooden wall, the red carpet, and the fireplace at the lobby gave us a warm and friendly welcome. Our room was a Standard room on the first floor, a compact sized room with balcony. The view of the snowy mountains and ski pistes just out of the window was priceless.
ตัวโรงแรมเป็นอาคารไม้ สร้างตามสไตล์บ้านภูเขาแบบ Alpine ด้วยที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา เราจึงเห็นฉากหลังโรงแรมเป็นภูเขาลูกใหญ่ ขับให้โรงแรมยิ่งดูสวยเด่นสะดุดตา (แถมถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยเป๊ะ!) ด้านหน้าโรงแรมเป็นลานจอดรถ ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ล๊อบบี้โรงแรมตกแต่งสวยหรูตามแบบฉบับบ้านภูเขา ผนังไม้ พรมแดง และเตาผิงไฟที่จุดไว้ช่วยสร้างบรรยากาศให้อบอุ่นจนลืมความหนาวด้านนอกไปได้ชั่วขณะ ห้องพักของเราอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เป็นห้อง Standard ขนาดกะทัดรัด เราชอบตรงที่มีระเบียงกว้าง และสามารถเห็นวิวภูเขาและลานสกีฝั่งตรงข้ามจากหน้าต่างห้องได้เลย
The first stop after taking off the ski suit is usually the pool, where I can rest my muscles after the day on the slopes, and enjoying the lovely mountain scenery outside. There is something very special about swimming with all that snow just outside your window. Sauna, Turkish bath and massages are also available.
สิ่งที่ทางโรงแรมภูมิใจนำเสนอที่สุดคงเป็นเรื่องของ ‘อาหาร’ เห็นได้จากที่มีห้องอาหารบริการในโรงแรมมากถึง 5 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะมีจุดขายและเมนูอาหารที่แตกต่างกันไป
Salares ห้องอาหารหลักสำหรับทานอาหารเช้า ที่มีเสิร์ฟดินเนอร์คอร์สมื้อเย็นด้วย
La Terraza ระเบียงเทอเรสกลางแจ้งสำหรับมื้อกลางวันในวันที่อากาศแจ่มใส จะออกไปนั่งรับลมรับแดดอ่อนๆ หรือนั่งเล่นทานขนมขบเคี้ยวในช่วงบ่ายก็ได้
Wine bar บาร์สำหรับนั่งดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนอาหาร หรือจะทานดินเนอร์เมนูง่ายๆที่นั่นก็มีพร้อมบริการ ใกล้ๆกันทำเป็นห้องสำหรับสูบบุหรี่/ซิการ์ ตั้งชื่อเก๋ไก๋ว่า Smorting room เป็นคำที่เราว่าเท่ห์มาก เขาเอามาจากคำว่า Smoking + Flirting (คิดได้ยังไงเนี่ย!)
Later in the evening, when the time for dinner is approaching, this hotel offers many options so even if staying longer you will not get bored. Other than the main restaurant Salares, where breakfast is also served, there is a terrace open for lunch during the sunnier days La Terraza, and a Wine bar to enjoy a great selection of drinks, alongside few selected gourmet dishes. Adjacent to the wine bar, there was a Smorting room for cigarette and cigar smokers. The word Smorting derives from Smoking and Flirting. (I love this name!)
I didn’t get the chance to eat at those since I didn’t want to miss the opportunity to dine at the remaining two venues, which are the highlight of this hotel. The first is the Michelin-starred restaurant La Siriola, which you can reach using a staircase from the lobby that takes you to a very elegant environment. We ordered the four course menu with wine pairing. The food is delicious and the chef Matteo Metullio is the youngest Italian chef to hold a Michelin star. Hard work always pays off! The service is impeccable, and for pre-dessert you’ll be walked to the Chocolate room to pick up your favourite piece.
Wine cellar ห้องใต้ดินที่เก็บไวน์ไว้มากถึง 20,000 ขวด ที่ห้องนี้เขาจะเสิร์ฟ ‘ฟองดู’ ซึ่งต้องสั่งจองล่วงหน้าหนึ่งวัน มีให้เลือกทั้งแบบชีสและเนื้อ เราเลือกสั่ง Cheese fondue ในเซ็ตมีขนมปัง มันฝรั่ง และแตงกวาดอง เอาไว้จุ่มกินกับชีสนุ่มๆหนึบๆที่เสิร์ฟมาร้อนๆในเตาหอมกรุ่น และเราก็สั่ง cold cut มากินแกล้ม ทางร้านจัดให้เป็น pork belly (เนื้อหมูช่วงพุง) และ speck แฮมชั้นดีที่รมควันเก็บไว้ในถังโอ๊คนานถึงหนึ่งปีครึ่ง ไวน์แดงรสดีกับชีสและแฮมในค่ำคืนอันเหน็บหนาว มันคือฟินที่สุดแล้ว
The other very interesting venue is the Wine cellar, where the fondue is served. As you can imagine the focus here is on the wine, where the selection is huge with almost 20,000 bottles in stock. It was a pleasure to talk to the manager Clemens, who comes from the family running the hotel. His knowledge of wine is impressive, and his passion for the job contagious. We ordered the cheese fondue and a special selection of cold cuts. All ingredients were sourced from local producers.
La Siriola ร้านอาหารหรู fine dining ที่นอกจากจะมีมิชิลินหนึ่งดาวการันตีคุณภาพแล้ว ตัวเชฟ Matteo Metullio เองถือเป็นเชฟระดับ Michelin star ที่มีอายุน้อยที่สุดในอิตาลีอีกต่างหาก (อายุน้อยกว่าเราแค่สิบปีถ้วนแค่นั้นเองค่า!) โพรไฟล์น่าสนใจขนาดนี้จะพลาดได้ไง เรานี่รีบจองโต๊ะกันล่วงหน้าเลยค่า!
ทางเข้าร้านเป็นบันไดวนให้เดินลงไปชั้นใต้ดิน มีแค่ประตูทางเข้าเล็กๆกับกำแพงล้อมรอบ พอเปิดไปก็เจอห้องโถงตกแต่งเป็นห้องรับแขกสีสันสะดุดตา มีบริกรมาต้อนรับและเดินนำเราไปที่โต๊ะ เราสั่งเป็นอาหาร 4 คอร์ส พร้อมกับ wine pairing (แต่ละจานจะเสิร์ฟพร้อมกับไวน์ 1 แก้ว ซึ่งเป็นไวน์ชนิดที่ทางเชฟได้เลือกว่ารสชาติเหมาะกับอาหารจานนั้น) อาหารอร่อยทุกจานเลยค่ะ ทั้งตับห่านที่ทำมา 3 แบบในหนึ่งจาน, ซุปฟักทองใส่ gnocchi (แป้งผสมเกาลัด) ท็อปปิ้งด้วยไข่นกกระทาและเห็ดทรัฟเฟิล, และนกพิราบอบที่เนื้อนุ่มมากจนแทบละลายในปาก ก่อนจะเสิร์ฟของหวาน บริกรพาเราไปที่ห้อง Chocolate room ในนั้นมีช็อคโกแลตนานาชนิดให้เราได้หยิบชิมฟรี แถมยังเสิร์ฟไอศครีมวานิลลาจุ่มในช็อคโกแลตสดๆให้ทานกันตรงนั้นอีกด้วย เข้าอีหรอบเดิมค่ะ คืออิ่มตั้งแต่ของหวานยังไม่มาเสิร์ฟ 555 ก่อนกลับเชฟเดินมาทักทายที่โต๊ะ เลยได้ชักภาพกับเชฟหนุ่มเป็นที่ระลึก มาไม่เสียเที่ยวละเรา :))
I had an amazing time: the cosy environment, the top-notch service and the fine dining to end the day are a sure way to make the most of a trip to the Dolomites.
นอกจากอาหารอันอุดมสมบูรณ์แล้ว ทางโรงแรมก็มีห้องนวด สปา ซาวน่า และ Turkish bath ไว้ให้บริการ เราออกไปเล่นสกีข้างนอกกว่าจะกลับมาก็ช่วงบ่ายเลยได้แค่ไปว่ายน้ำเล่นในสระแบบในร่ม ที่เก๋คือเขาเป็นทำกระจกใสให้มองเห็นวิวด้านนอกแบบพาโนราม่า ซึ่งภาพที่เราเห็นตอนนั้นคือชั้นหิมะขาวโพลนที่หนาจนเกือบจะท่วมหัวเจ้ากวางไม้ที่ทางโรงแรมวางประดับไว้ เป็นวิวจากสระว่ายน้ำที่สวยแปลกตา เหมือนกำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางหิมะเลยค่ะ
โรงแรมนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวหนึ่ง ที่มีใจรักในเรื่องการทำอาหารและการให้บริการ จะเห็นได้จากที่คนในครอบครัวคอยเดินตรวจตราและคอยประจำอยู่ตามห้องอาหารต่างๆในโรงแรมอยู่ตลอด ความทุ่มเทและตั้งใจนั้นเองที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องการออกแบบตกแต่งที่ทำได้เยี่ยมยอด (ยอมรับว่าโรงแรมนี้สวยทุกมุมจริงๆ) อาหารและเครื่องดื่มก็ล้วนเลือกสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีของท้องถิ่น และการบริการที่อบอุ่น ทั่วถึง ไม่มีขาดตกบกพร่อง เห็นเขาว่าวิวภูเขาโดโลไมต์ช่วงหน้าร้อนก็สวยไม่แพ้กัน เราเลยคิดว่าจะกลับมาพักที่นี่กันอีกครั้ง อยู่ซักอาทิตย์นึงน่าจะกำลังดีนา…