From the moment I stepped outside the tube station, Camden gave me a unique feeling. Camden town is like nowhere else in London; a neighborhood of alternative culture, be it punk, goth, hippie, or emo. We walked from the station up to the canal where there are international food stalls, a variety of funky shops, an open-air market and pubs. We also spotted some art-pieces and graffitis of ‘Amy Winehouse’, the most beloved icon of Camden.
ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานว่าย่านนี้สนุกนัก เต็มไปด้วยสีสัน มีความโดดเด่น และมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเป็นแหล่งรวมตัวแหล่งใหญ่ของชาวพั้งค์ร็อค ฮิปปี้ อีโม โกธิค ทั้งหลาย รวมถึงศิลปินแนวโซลชื่อดังผู้ล่วงลับ ‘เอมี่ ไวน์เฮ้าส์’ ก็ได้อาศัยอยู่ในย่านนี้ก่อนที่เธอจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายอีกด้วย
ทันทีที่ก้าวออกจากสถานีรถไฟ ฉันรู้สึกทันทีถึงความแตกต่างแบบสุดขั้ว แบบนี้น่ะเอง Camden town (แคมเดน ทาวน์) จึงเป็นย่านที่ถูกกล่าวขวัญถึง ย่านนี้ไม่เหมือนที่อื่นๆในลอนดอนที่ฉันเคยเห็นมา เรียกได้ว่าดูไม่เป็นเมืองผู้ดีอังกฤษเอาซะเลย! ตึกแถวเรียงรายตลอดทางเป็นร้านค้าขายของดีไซน์เก๋ราคาย่อมเยา ผนังตึกต่างถูกเพ้นท์ด้วยสีสดและถูกตกแต่งด้วยลูกเล่นสารพัด ที่เห็นแล้วสะดุดตาก็มีรูปรถถัง มังกร หัวกะโหลก รองเท้าผ้าใบ ส่วนใหญ่ทำเป็นแบบ 3 มิติยื่นออกมาจากผนัง ดูเหมือนแต่ละตึกกำลังพยายามแย่งความโดดเด่นเพื่อดึงดูดให้ผู้คนแวะเข้ามาดู นับเป็นบรรยากาศการเดินเล่นที่สนุกสนานทีเดียว เดินไปก็ตื่นตาไป คอยมองซ้ายทีขวาทีเผื่อจะเจออะไรน่าสนใจอีก พอเดินต่อมาสักพักจะเจอกับโซนตลาดนัดกลางแจ้ง ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นของนำเข้าจากจีน อินเดีย และแอฟริกา ติดกันเป็นที่กว้างบริเวณใกล้คลองที่เปิดเป็นซุ้มขายอาหารนานาชาติกลางแจ้ง ซึ่งจัดสรรพื้นที่ใช้สอยได้ดีและขายอาหารหลากหลายน่าลองไปหมด เสียดายที่ตอนนั้นอิ่มอยู่เลยไม่ได้ลองชิมซักกะอย่าง วันนั้นอากาศดีมีแดดออกจ้า ผู้คนออกมาเดินเล่นกันเยอะจึงดูคึกคักเป็นพิเศษ แต่แปลกที่ไม่เห็นกลุ่มพั้งค์หรือฮิปปี้เจ้าถิ่นเลยแฮะ สงสัยว่าช่วงหลังได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นย่านบาร์และร้านค้าขายของ ทำให้นักท่องเที่ยวแห่แหนมากันเยอะเกินไปละมัง ใครที่เคยไปญี่ปุ่นน่าจะพอนึกภาพออกนะคะ บรรยากาศจะคล้ายกับเส้น Takeshita dōri ที่ฮาราจูกุ แต่ถนนกว้างใหญ่กว่าเลยไม่เบียดเสียดเท่า และแน่นอนว่า ดีกรีความมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งคาวาอิ อยู่ที่เลเวลศูนย์
Strolling along the Regent’s Canal, we could see few boathouses moored alongside, some had a nice garden corner as well. I have no clue how life in the boathouse could be. I was wondering if there is a fixed spot for each boat or they can move around freely in the canal as they like? Any community rules? Any traffic regulations? And what about the newcomers? Tons of questions popped in my head and I thought perhaps I should do an interview with one of them the next visit (if somebody is willing to talk to me at all). We walked pass the Pirate Castle and the London Zoo, then we found a connection to Primrose Hill.
เราเดินเลียบคลอง Regent’s Canal มุ่งหน้าไปจุดที่เป็นทางเชื่อมกับสวนสาธารณะชื่อดัง Regent’s Park ระหว่างทางจะเห็น ‘บ้านเรือ’ ที่มีคนอาศัยอยู่จริงๆจอดในคลองเรียงยาวขนานทางเดิน เราว่าเขาทำได้น่าอยู่ดีนะ บางหลังมีทำมุมสวนหย่อมปลูกต้นไม้ ปูพื้นหญ้าซะด้วย (ชิลล์ได้อีกน้อ!) ที่จริงแอบสงสัยมากเลยว่าเขาอยู่กันยังไงหนอในบ้านเรือเนี่ย แล้วต้องจอดที่ประจำหรือย้ายตำแหน่งไปไหนก็ได้ตามอำเภอใจ? ไหนจะกฏ กติกา มารยาทของการอยู่ในคลองร่วมกันอีก คราวหน้าคงต้องหาโอกาสไปสัมภาษณ์เจ้าตัวซะหน่อย (ว่าแต่จะมีใครคุยด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้นะ 555) สิ่งที่น่าสนใจระหว่างทางเดินเลียบคลองคือ Pirate castle (ปราสาทโจรสลัด) เขาเอาเรือสีสดๆมาจอดเต็มข้างกำแพงปราสาท และทำป้ายเป็นรูปหัวกะโหลกส่องแสงวิบวับดูน่าสนใจดี แต่พอดีมันอยู่อีกฝั่งเลยไม่ได้แวะข้ามไปดู (ยิ้มอ่อน) เดินต่อมาเรื่อยๆที่ตรงหัวโค้งจะมีเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งจอดอยู่ เป็นเรือขนาด 2-3 ชั้น ทาด้วยสีส้ม หน้าตาเหมือนตำหนักจีน พอเห็นป้ายถึงร้องอ๋อ มันคือร้านอาหารจีนนี่เอง ฝรั่งแค่ขออาศัยอยู่เป็นบ้าน แต่คนจีนเห็นลู่ทางทำเป็นบิซิเนสเลยจ้า (เรื่องค้าเรื่องขายต้องยกให้พี่จีนเขาอ่ะเนอะ) เดินมาอีกนิดจะผ่านด้านหลังของสวนสัตว์ London Zoo มีกรงนกขนาดใหญ่อยู่ทางขวา ส่วนทางซ้ายมือคือกรงหมาไน หรือ ไฮยีน่า เราแอบยืนส่องดูสักพักด้วยความตื่นเต้น ก็ตอนไปซาฟารีที่แอฟริกาดันไม่เห็นนี่นา มาขอแอบดูที่สวนสัตว์ในลอนดอนแทนก็ละกัน อิอิ
It was a beautiful sunny day after a freezing cold week; a lot of people came out to enjoy a warm glorious day. Once again we were lucky with the weather. Not only the tourists, but also many locals walked up to the view point at the Primrose Hill to enjoy the scenery of the skyline contrasting with the green grass and the bright blue sky. It was truly picture-perfect!
Later, we walked through Regent’s park. It’s one of the biggest parks in central London and during the summer it fills up with locals having picnic or just strolling around. It was still quiet during the morning and it was good for us to relax a bit more before hitting the busy London shops. I feel those beautiful London parks are like a small holiday destination within the city, a natural refuge within the cosmopolitan world!
Later, we walked through Regent’s park. It’s one of the biggest parks in central London and during the summer it fills up with locals having picnic or just strolling around. It was still quiet during the morning and it was good for us to relax a bit more before hitting the busy London shops. I feel those beautiful London parks are like a small holiday destination within the city, a natural refuge within the cosmopolitan world!
พอถึงตรงจุดทางเชื่อม เราเลือกแวะไปที่ Primrose Hill ก่อน ต้องเดินขึ้นเนินไปพอสมควรจึงจะถึงจุดชมวิว จากตรงนั้นเราสามารถมองเห็นวิวของตึกสูงระฟ้าใจกลางลอนดอนทั้งหลายทอดยาวเป็นเหมือนเงาคั่นกลางระหว่างสีเขียวขจีของพื้นหญ้ากับสีฟ้าสดของท้องฟ้าวันนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นวันที่ฟ้าสวยจริงๆ (หาไม่ได้ง่ายๆในลอนดอน) นั่งพักชมวิวจนหายเหนื่อย เราก็เริ่มเดินลัดเลาะต่อไปที่ Regent’s Park ปกติหน้าร้อนชาวลอนดอนเนอร์จะออกมาเดินเล่น นั่งเล่น ปิคนิคกันแน่นขนัด เช้านั้นถือว่าเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เราเลยได้เดินกินลมชมวิวสบายๆ สูดอากาศได้เต็มปอดและเสพบรรยากาศได้เต็มที่ ก่อนจะไปตะลุยช้อปปิ้งในเมืองต่อ เป็นอันจบวัน
วันไหนอากาศดีๆในลอนดอนเราชอบที่จะแพลนทริปเดินเล่นกันยาวๆแบบนี้ค่ะ ทุกครั้งที่ไปลอนดอนวันๆนึงเราเดินกันไม่ต่ำกว่า 12 กิโล บางวันล่อไป 20 กิโลโน่นน่ะค่ะ! บ้าพลังกันมาก! ชอบเดินที่ลอนดอนค่ะ สนุกดี ยิ่งวันไหนอากาศดีๆต่อมอยากเดินยิ่งคึกเป็นพิเศษ ฮ่าๆ